วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บทความ : Discretionary และ Mechanical - สองขั้วของการเป็นเทรดเดอร์..


บทความ : Discretionary และ Mechanical - สองขั้วของการเป็นเทรดเดอร์

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=darkholy&group=2


ในวันนี้ผมจะมาแบ่งแยกประเภทของเทรดเดอร์ออกเป็นสองแบบด้วยกัน


ไม่ใช่แบ่งเป็น Fundamental (สายพื้นฐาน) และ Technical (สายเทคนิค) แบบที่คนไทยรู้จักกันมานาน


แต่เป็นแบบ Discretionary และ Mechanical



Discretionary trader คือผู้ที่ใช้ข้อมูลบางประเภทหรือทุกประเภทที่มีผลต่อการเทรด อาทิข้อมูลพื้นฐานบริษัท, การวิเคราะห์ทางเทคนิค (รวมถึงการดู divergence/convergence, การวางแนวรับแนวต้าน, การลากเส้น trend line, การใช้ fibonacci, รูปแบบแท่งเทียน, chart pattern, ฯลฯ), ข่าว, และอื่นๆ แล้วนำมาเทรดด้วยความเข้าใจของตัวเอง


Mechanical trader คือผู้ที่ทำตามระบบแบบแผนทางคณิตศาสตร์และสถิติที่ได้วางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยไม่มีการนำเอาการตัดสินใจส่วนตัวมาเปลี่ยนแปลงการเทรดได้เลย การตัดสินใจจะทำตาม indicator หรือ signal ซื้อขาย ที่โปรแกรมได้ประมวลผลออกมาเท่านั้น


--------------------


ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในท้องตลาดส่วนใหญ่มักเป็น Discretionary trader ซึ่งเขาเหล่านี้สามารถที่จะทำกำไรเหนือกว่า Mechanical trader ทุกประเภทได้ ข้อได้เปรียบของการเป็น Discretionary trader คือเขาเหล่านั้นสามารถปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และรูปแบบการเทรดได้โดยใช้การตัดสินใจส่วนบุคคล สามารถนำเอาประสบการณ์ที่มีมา มาประยุกต์ข้อมูลต่างๆที่ได้รับ แล้วเทรดได้โดยมีรูปแบบที่ไม่แน่นอนตามแต่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถนำเอาข้อมูลอย่างอื่นนอกจากราคา (อาทิ งบการเงินบริษัท, ข่าว) มาปรับปรุงความเสี่ยงได้โดยฉับพลัน


ถึงกระนั้นแล้ว สำหรับเทรดเดอร์ทั่วๆไป การทำตามหลักการของ Mechanical trader จะเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า และเมื่อคุณมีประสบการณ์มากพอ การจะเป็น Discretionary trader ก็จะทำกำไรได้เหนือกว่า Mechanical trader แน่นอน


--------------------


สำหรับ Mechanical trader แล้ว ปัจจัยหลักอยู่ที่การเลือก time frame (อาทิ 60min, daily, weekly) การระบุช่วงของเทรนด์ และการคาดคะเนเทรนด์สำหรับอนาคต ระบบของผู้ที่เลือกเส้นทางสายนี้ จะต้องมีการระบุที่แน่นอน และครอบคลุมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเทรด (ได้แก่ time frame, การเข้า-ออก position, ระดับราคาที่จะ cut loss-take profit, หุ้นหรือสัญญาอนุพันธ์ที่จะเทรด, รวมไปถึงการใช้ money management) เทรดเดอร์แบบ Mechanical จะต้องสามารถทำตามระบบได้โดยไม่มีการเคลือบแคลงใจในระบบที่ตัวเองผลิตมา


ข้อดีของการเป็น Mechanical trader นั้น คือการไม่ใช้อารมณ์ในการทำกำไร/ตัดขาดทุน มีกฏที่แน่นอน ตายตัว ไม่มีการนำเอาข้อมูลอื่นๆที่นอกเหนือจากระบบของตนมาใช้ในการตัดสินใจ เช่น หากคุณเทรดโดยใช้ระบบ Moving average crossover 10/50 ก็จะต้องไม่นำเอาปัจจัยพื้นฐานหรือข่าวสารเข้ามาทำให้คุณไขว้เขวเด็ดขาด กล่าวง่ายๆก็คือถึงแม้ในยามที่ทุกคนพูดถึงวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่ระบบสั่งให้คุณ buy คุณก็จะต้อง buy โดยไม่มีการลังเล


ข้อดีอีกประการของการเป็น Mechanical trader คือคุณสามารถเทรดหลายๆสัญญา ในหลายๆตลาดได้พร้อมๆกัน โดยไม่ต้อง 'เฝ้าจอ' คุณสามารถเทรด Set50 Index Futures ไปพร้อมๆกับเทรด Natural Gas + EUR/USD + Cotton, Gold, E-Mini S&P ได้ การทำเช่นนี้ก็จะเป็นการ diversify พอร์ตการเทรดของคุณได้ดีกว่าการเฝ้าจอดูแต่กราฟ Set50 Index Futures เพียงอย่างเดียว


การทดสอบระบบย้อนหลัง หรือที่เรียกกันว่า backtest ก็เป็นสิ่งที่ Mechanical trader ได้เปรียบอยู่มาก เนื่องด้วยการมีกฏตายตัว ทำให้วิเคราะห์ออกมาได้ว่า หากใช้แผนการนี้กับข้อมูลในอดีต จะทำให้ได้ผลตอบแทนเท่าไร การคาดการณ์ผลตอบแทนระดับเดียวกันในอนาคตก็จะทำได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน ส่วนการวิเคราะห์ลึกไปถึงระดับ portfolio ก็สามารถทำได้ด้วยผลของการ backtest ในขณะที่ Discretionary trader จะไม่สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนอะไรได้เลย เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสดๆของผู้เทรด

--------------------


ตอนนี้ คุณก็พอจะรู้ความแตกต่างของสองแนวทางการเป็นเทรดเดอร์คร่าวๆแล้วนะครับ


การจะเลือกแนวทางไหนนั้น ก็แล้วแต่ตัวคุณพิจารณา ไม่มีวิธีไหนถูก วิธีไหนผิด ทั้งนั้นครับ


อนึ่ง คุณจะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคแบบดั้งเดิมที่คนไทยรู้จักกันดี และ การเป็นนักลงทุน VI นั้น ต่างก็จัดอยู่ในประเภทของ Discretionary trader กันทั้งคู่


ถึงกระนั้น blog ที่ผมจะเขียนไปเรื่อยๆนั้นจะเน้นที่การเป็น Mechanical trader ที่โดยทั่วไปไม่ค่อยมีใครในประเทศไทยพูดถึงในที่สาธารณะมากนักครับ


Smiley

Create Date : 16 มิถุนายน 2554
Last Update : 16 มิถุนายน 2554 11:54:13 น.
5 comments
Counter : Pageviews.
Add to Share/Save/BookmarkShare/Save/BookmarkShare/Save/Bookmark


ยอมรับว่าอ่านแล้ว งง ครับ ไม่เข้าใจตรงที่บอกว่า "คุณจะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคแบบดั้งเดิมที่คนไทยรู้จักกันดี และ การเป็นนักลงทุน VI นั้น ต่างก็จัดอยู่ในประเภทของ Discretionary trader กันทั้งคู่" ที่งง ก็ตรงที่บอกว่า การวิเคราะห์กราฟเทคนิคจัดเป็นพวก Discretionary trader ไม่เข่้าใจที่บอกว่า การวิเคราะห์กราฟเทคนิคแบบดั้งเดิมที่คนไทยรู้จักกันดี ยกตัวอย่างได้มั้ยครับว่า การวิเคราะห์กราฟเทคนิคแบบดั้งเดิมทำยังไง?

โดย: Mr.H IP: 101.109.162.48 16 มิถุนายน 2554 20:22:56 น.


@Mr.H : ผมเพิ่งสังเกตว่าได้อธิบายเกี่ยวกับ Discretionary trader น้อยมากๆ จึงขอเพิ่มเติม ณ ตรงนี้นะครับ

การวิเคราะห์กราฟเทคนิคแบบดั้งเดิมจัดเป็น Discretionary trader หมายความว่าการวิเคราะห์เพียงแค่ใช้ตาดู แล้วตัดสินใจเอานั้น ไม่ถือว่าเป็นการเทรดอย่างเป็นระบบ (mechanical) ครับ เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่สามารถนำผลมาวิเคราะห์ตามหลักสถิติได้

แบบดั้งเดิมก็เหมือนกับที่โบรกเกอร์ทุกแห่งทำบทวิเคราะห์กันในขณะนี้ มีการหาแนวรับแนวต้าน รวมทั้งการลากเส้นลงบนกราฟ และการดู convergence/divergence นั้น ยังต้องใช้การคิดของตัวเทรดเดอร์เองในขณะเทรดแบบสดๆ ที่เรียกว่า "เฝ้าจอ" อยู่ครับ

อาทิ เทรดเดอร์ 2 คน ต่างก็ดูกราฟ PTT แต่ทว่าแต่ละคนต่างก็มีการลากเส้นแนวรับแนวต้านต่างกัน ราคาที่จะซื้อขายก็ต่างกันด้วย ส่วน Divergence/Convergence นั้น แต่ละคนก็มีวิธีดูที่ไม่เหมือนกัน เช่น เทรดเดอร์สองคนจะสรุปเอาว่าเป็น divergence ก็ต่อเมื่อกราฟเริ่มหักหัวลง ซึ่งตาของแต่ละคนก็จะมองจุดหักหัวลงคนละที่ บางคนจะมองว่าหักหัวลงไปมากแล้วค่อยขาย อีกคนจะมองว่าเพิ่งเริ่มหักหัวลงก็จะขายทันที ในเรื่องของ chart pattern เช่นพวก double top, double bottom นั้น ยากที่จะสามารถหาจุดที่แท้จริงได้ใน realtime เพราะไม่มีใครรู้ว่าจุดที่ต่ำที่สุด/สูงที่สุดจะอยู่ที่ใด และจะมีต่ำ/สูงกว่านี้หรือไม่ แต่พอย้อนกลับมาดูกราฟในอดีต จะเห็นได้ชัดเจนว่า top/bottom อยู่ตรงไหน

ในขณะที่การเทรดเป็นระบบแบบ Mechanical นั้น หากเทรดเดอร์ 2 คน ใช้อินดิเคเตอร์ตัวเดียวกัน จะมีจุดซื้อขายที่เหมือนกัน 100% ไม่มีการแหกสัญญาณระบบ อาทิ หากเทรดเดอร์สองคนใช้ ระบบ 20-day channel breakout (ซึ่งจะซื้อเมื่อราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาสูงที่สุดในรอบ 20 แท่งเทียน, และขายเมื่อราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 แท่งเทียน) เทรดเดอร์ทั้งสองคนจะซื้อขายที่จุดเดียวกันเสมอ แม้คนนึงจะเป็นเด็กประถม อีกคนเป็นนักคณิตศาสตร์ปริญญาเอก ก็ตาม

แบบ Mechanical นั้น ตัวเทรดเดอร์เองจะไม่เข้าไปคิดหาจุดซื้อขายตลอดเวลาการเทรดเลย แต่แค่ทำตามสัญญาณซื้อขายที่โปรแกรมส่งออกมาเท่านั้น ดังนั้น การเทรดแบบ Mechanical ตัวเทรดเดอร์จะดูเหมือนกับไม่ได้ทำงานอะไรเลยครับ และยิ่งถ้าเป็นโปรแกรมต่างประเทศที่ตั้ง automate ได้นั้น ตัวเทรดเดอร์ก็แค่เปิดคอมฯอยู่กับบ้านค้างไว้ ปล่อยโปรแกรมทำงานซื้อขายเองได้ครับ

โดย: Dark Holy 17 มิถุนายน 2554 0:38:28 น.


มีคนเขียนเรื่อง Mechanical trading System บ้างแล้ว ดีครับช่วยกันเผยแพร่ เชื่อว่าช่วงแรกๆคงจะยังไม่ค่อยมีคนสนใจหรือเข้าใจกันเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งปูพื้นไปเรื่อยๆก่อนครับ :)

โดย: mod IP: 115.67.77.190 17 มิถุนายน 2554 3:09:07 น.


สวัสดีคุณ mod เข้าใจว่าเป็นคนเดียวกันกับเวบแมงเม่านะครับ และขอบคุณ คุณ Dark Holy ที่ให้ความกระจ่างเรื่องการวิเคราะห์กราฟเทคนิคแบบดั้งเดิม เลยทำให้ผมจัดกลุ่มตัวเองได้ถูกต้องว่าเป็นพวกกลุ่มไหนระหว่างพวก Discretionary trader หรือพวก Mechanical โดยปกติผมจะมีระบบเทรดที่แน่นอน แต่จะใช้ price pattern มาเป็นตัวกำหนดขนาดการซื้อขายในแต่ละรอบ คือใช้ price pattern ที่ back test ย้อนหลังมาแล้วเป็นตัวทำ money management อีกที เพราะฉนั้นผมคงเข้าข่ายพวก Discretionary trader มากกว่า

โดย: Mr.H IP: 58.181.157.122 17 มิถุนายน 2554 12:37:13 น.


@mod : สวัสดีครับคุณ mod แห่ง mangmaoclub ผมได้ศึกษาจากคุณ mod มาระยะนึงด้วยครับ และทำให้ผมสนใจในเรื่อง mechanical trading system อย่างจริงจัง ก็จะขอติดตามบทความของคุณ mod ต่อไปนะครับ

@Mr.H : หลายๆคนก็นำเอาทั้งสองหลักการมาประยุกต์กันครับ
แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล

โดย: Dark Holy 17 มิถุนายน 2554 13:05:16 น.



บทความ : กฎ 6 ข้อ ที่สำคัญที่สุดในการออกแบบระบบเทรด

ทั้ง 6 ข้อต่อไปนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีข้อยกเว้น

เพื่อระบบเทรดที่ใช้การได้จริง

1. ระบบเทรดจะต้องมี positive expectation

ซึ่งหาได้จากสูตร avg.trade profit/number of trade หรือจะใช้ (prob.win)*(avg.win)+(prob.loss)*(avg.loss) ก็ได้

2. ระบบเทรดจะต้องมีกฎเกณฑ์ 10 ข้อหรือน้อยกว่าเท่านั้น

3. ระบบเทรดจะต้องมี parameter ที่ robust ใช้การได้ทุกสภาพตลาดและทุกช่วงเวลา

4. ระบบเทรดจะต้องสามารถเทรดหลายๆสัญญาได้ โดยไม่มีข้อขัดข้อง

5. ระบบเทรดจะต้องมี risk control, money management และ portfolio design

6. ระบบเทรดจะต้องเป็นแบบ mechanical เท่านั้น (ห้ามใช้การตัดสินใจด้วยอารมณ์ของผู้เทรด)

กฎข้อที่ 7 ที่ไม่ได้เขียนไว้ คือ คุณจะต้องเคารพกฎทุกข้อที่ได้บัญญัติไว้ข้างต้น ห้ามฉีกกฏโดยเด็ดขาด

ทุกท่านสามารถเพิ่มกฎข้ออื่นๆเข้าไปได้ด้วย ตามแต่แนวทางของแต่ละท่าน


แต่หลักทั้งหมดข้างต้นนี้ ขอให้ยึดไว้เป็นหลักสำคัญเสมอ


Smiley


Create Date : 15 มิถุนายน 2554
Last Update : 15 มิถุนายน 2554 9:10:03 น.

บทความ : สาเหตุที่เราควรจะใช้ indicator น้อยตัวและเรียบง่ายที่สุด

ทำไมเราจึงควรใช้อินดิเคเตอร์น้อยตัวและเรียบง่ายที่สุด



1. ความสำคัญของแต่ละอินดิเคเตอร์จะลดน้อยลง หากใช้อินดิเคเตอร์มากตัวขึ้น



2. Curve fitting : หากเราพยายามใช้อินดิเคเตอร์มากตัว เพื่อจะให้สอดคล้องกับข้อมูลในอดีตที่ผ่านมามากที่สุด แม้ว่าผลในอดีตจะปรากฏว่าเราได้กำไรมาก แต่ความน่าจะเป็นที่ผลความสำเร็จดังเดิมจะเกิดขึ้นในอนาคต จะยิ่งน้อยลง



ตัวอย่าง - หากระบบเราตั้งค่าให้ซื้อตอนที่ SMA5 ตัดขึ้นกับ SMA20 โอกาสที่ได้ผลตอบแทนดังเช่นในอดีตจะมีมากกว่าหากเราใช้ SMA5 ตัดขึ้นกับ SMA20 โดยมีข้อแม้ว่า ADX>20, DI+>DI- โดยตัวข้อแม้ที่เพิ่มเข้ามา จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนของกำไรและ drawdown ในอนาคต



3. Degree of freedom จะยิ่งน้อยลง หากใช้อินดิเคเตอร์ยิ่งมากตัว ผลที่ตามมาก็คือเราจำต้องใช้ข้อมูลที่มากขึ้น ในการพิสูจน์ว่าระบบของเราได้ผลจริงๆ



*อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Degree of freedom ได้ที่ http://readingthemarkets.blogspot.com/2010/01/degrees-of-freedom-kiss.html ซึ่งข้อความที่สำคัญก็คือ



In brief, in order to produce a statistically reliable historical simulation you have match system complexity to sample size. Or, as Vince argues, “You want to keep your system’s degrees of freedom as high as possible to ensure the positive mathematical expectation in the future. This is accomplished not only by eliminating, or at least minimizing, the number of optimizable parameters, but also by eliminating, or at least minimizing, as many of the system rules as possible. Every parameter you add, every rule you add, every little adjustment and qualification you add to your system diminishes its degrees of freedom. Ideally, you will have a system that is very primitive and simple, and that continually grinds out marginal profits over time. . . "(Trading Systems: A New Approach to System Development and Portfolio Optimisation, Urban Jaekle and Emilio Tomasini, 2009 p.19)



4. Robust trading system คือเป้าหมายของการสร้างระบบเทรด

ระบบที่ robust คือระบบที่ใช้การได้ทุกสภาพตลาด ไม่ว่าจะเป็น trend (วิ่งแบบเทรนด์) หรือ range (วิ่งในกรอบ) รวมไปถึงสามารถใช้การได้กับทุกช่วงเวลาของตลาด อาทิ ใช้ได้ผลกับทั้งปี 1990-1995 รวมไปถึงปี 2010 เป็นต้นไป โดยไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงของผลกำไรและ drawdown มากนัก



ระบบที่ robust จะมี รายละเอียดที่น้อย เรียบง่าย สามารถต้านทานได้ทุกสภาพตลาด



เปรียบได้ง่ายๆก็กับ แมลงสาบ กับ เสือชีต้าร์



แมลงสาบนั้น ถึงแม้จะไม่สง่างาม วิ่งไม่เร็วเท่าเสือ จับเหยื่อขนาดใหญ่ไม่เก่ง แต่แมลงเหล่านี้สามารถเอาชีวิตรอดได้กับทุกสภาพ ทนร้อน ทนหนาว หาอาหารในกองขยะที่ไหนก็ได้

แมลงสาบนั้นคือระบบที่ robust



ส่วนเสือชีต้าร์ แม้จะสง่างาม วิ่งเร็ว ล่ากวางตัวโตๆได้ แต่ถ้าหากนำเสือไปปล่อยไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เสือก็จะล่าเหยื่อไม่ได้ สุดท้ายก็อดตายในที่สุด

เสือชีต้าร์เปรียบเสมือนระบบที่ใช้ indicator เยอะ มีกฎเกณฑ์มาก ซึ่งก็คือระบบที่ไม่ robust นั่นเอง



แม้การสร้างระบบที่ robust จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นไปได้

สิ่งที่ควรจะรู้ก็คือ indicator/strategy ที่ robust จริงๆนั้น ไม่มีเผยแพร่ให้อย่างเด่นชัดต่อสาธารณชน มันคือสิ่งที่ผู้กุมความลับเอาไว้ จะไม่เปิดเผยต่อใคร

เนื่องด้วย หากสิ่งที่ใช้ได้ผลจริง กลับกลายเป็นมีใครใช้งานเยอะ ประสิทธิภาพของเจ้าสิ่งนั้นก็จะลดลง ตัวอย่างเช่น ในระแวกบ้านสมัยก่อนมีเซเว่นอยู่ 1 แห่ง แต่เมื่อมีคนแสวงหากำไร มาเปิดเซเว่นซอยข้างๆกัน ด้วยการแข่งขันระหว่างเซเว่นสองที่ จะทำให้กำไรต่อเซเว่น 1 แห่ง ลดลง (กรณีที่ประชากรละแวกนั้นเท่าเดิม)



คำที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรนำไปคิดต่อยอด

"Thus, adding rules does not produce endless benefits. Not only do you need more data, but the rising complexity may lead to the worsening system performance. A complex system with many rules merely captures nuances within the test data, but these patterns may never repeat. Hence, relatively simple systems are likely to perform better in the future." (Beyond Technical Analysis, by Tushar S. Chande, 2001)




โชคดีมีผลกำไรกันทุกคนนะครับ


Smiley







Free TextEditor

Create Date : 14 มิถุนายน 2554
Last Update : 14 มิถุนายน 2554 3:32:43 น.








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น